วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

Punch..ได้ยินก็ชื่นใจ



มาแล้ว..มาแล้วค่ะ วันนี้ปูเป้ขอนำเสนอกิจกรรมเสริมสร้างสีสันให้กับชีวิตในวันหยุดพักผ่อนกับ "น้ำพั้นช์" ที่ได้ยินแล้วก็ชื่นใจ หากได้ลิ้มลองแล้วคงชื่นจิต และถ้าได้ทำเองแล้วล่ะก็ขอบอกว่าสุโค้ย หุ..หุ เอาเป็นว่าเรามาอ่านเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของน้ำพั้นช์พอเป็นกระสัยและอ่านขั้นตอนทำง่าย ๆ ก่อนลงมือปฏิบัติกันนะคะ

พั้นช์ Punch ลักษณะการผสมส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีการเดียวกับการผสมค็อกเทล Cocktail เพียงแต่ว่าจะเน้นที่รสชาติความสดของเนื้อผลไม้ โดยส่วนใหญ่พั้นช์จะนิยมผสมเนื้อและน้ำผลไม้ กับน้ำเชื่อมรสต่าง ๆ และอาจจะผสมแอลกอฮอล์ด้วยก็ได้ จุดนี้ทำให้แตกต่างจากม็อกเทล Mocktail เพราะม็อกเทลจะต้องไม่แอลกอฮอล์ผสมอยู่เลยน่ะค่ะ เครื่องดื่มประเภทพั้นช์ หรือ พั้นช์ผลไม้ ก็จัดอยู่ในเครื่องดื่มม็อกเทลด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ว่า คำว่า "พั้นช์" ไม่ได้มีความหมายเจาะจงเหมือนม็อกเทล เพราะน้ำพั้นช์บางตัวก็อาจจะใส่เหล้าเข้าไปด้วยก็ได้ หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นม็อกเทลจะต้องไม่มีเหล้าผสมอยู่ด้วยเลย

Punch เกิดขึ้นเมื่อคริตส์ศตวรรษที่ 18 ในทวีปยุโรปทางตอนเหนือ ที่ประเทศสวีเดน โดยนำเหล้ารัมมาผสมรวมกับเครื่องเทศสมุนไพร อบเชย กานพลู ที่มีกลิ่นหอม รสหวาน ต่อมาก็นำมาผสมกับน้ำผลไม้ต่างๆ รวมถึงน้ำเชื่อมด้วย จนเป็นที่นิยมดื่มกันทั่วไป ดื่มเพื่อคลายร้อน รสหวานอร่อย ดื่มง่าย ต่อมาในคริตส์ศตวรรษที่ 19 ก็นิยมทำเหล้าพั้นช์ขายกันมากขึ้น โดยใช้เหล้ารัมผสมผลไม้ต่างๆ

เครื่องดื่มน้ำผลไม้ พั้นช์ Punch มีรากศัพท์มาจากคำว่า ปัญจ Panch ภาษาฮินดู หรือปั้นช์ นั่นเอง หมายถึงการนำส่วนผสม 5 อย่างมาผสมกัน อันได้แก่ น้ำตาลทรายหรือน้ำเชื่อม , เหล้า , น้ำมะนาว , น้ำ และเครื่องเทศ นับได้ว่าเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่เก่าแก่มา โดยส่วนใหญ่เหล้าที่ใช้มาผสมพั้นช์ คือ เหล้ารัม



PUNCH & FRUIT PUNCH RECIPES (สูตรพั้นช์ผลไม้)

Fruit Punch

- Orange Juice 1 J.

- Pineapple Juice 1 J.

- Lemon Juice 1 J.

- Sugar Syrup 3/4 J.

- Red Syrup 1/2 J. (ใส่แต่งสี)

- Soda

- Water Melon , Pineapple , Orange , Lemon เอาเนื้อมาสับให้ละเอียด

วิธีผสม ใช้วิธีการคนผสมให้เข้ากัน ใส่โซดาพอแค่ให้ซ่าเล็กน้อย

Tip. ใส่เหล้าหวาน Triple sec ลงไปน้อยจะเพิ่มรสชาติอร่อยขึ้น



เป็นอย่างไรกันบ้างคะไม่ยากเลยใช่มั๊ยคะ สำหรับน้ำพันช์แก้วนี้สำหรับคุณและคนพิเศษ แต่อ่านสูตรหลายคนคงงงกับ J ว่ามันคืออะไร ไม่ต้องงงนะคะ ปูเป้มีคำขยายค่ะ J. คือ จิก. หรือ ที่เรียกว่าจิกเกอร์ โดยขนาด 1J. = 1.50 Oz. = 44.38 ml. หรือถ้าไม่มีถ้วยจิกก็สามารถตัดทอนสัดส่วนได้เลยนะคะ เพราะการทำน้ำพั้นช์นั้นง่ายมั่กมากค่า ปูเป้รับรอง









วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

ร้อนหนัก..ก็พักหน่อย Relax on Summer


..ช่วงนี้อากาศบ้านเราเริ่มร้อนขึ้นทุกวัน พอร้อนอย่างนี้หลายคนคงคิดถึงท้องทะเลสีคราม ท้องฟ้าสวยใสกันใช่มั๊ยคะ วันนี้ปูเป้เลยขอแนะนำ Trip 2 วัน 1 คืน ที่ทะเลไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ นั่นก็คือ หัวหิน (Hua Hin)โดยขออนุญาตหยิบข้อความ "ความทรงจำดีดีที่หัวหิน" มาให้อ่านกันนะคะ เพื่อว่าหลายคนจะลองใช้โปรแกรมนี้ช่วยคลายร้อน..



เมื่อรู้ว่าจะต้องตื่นแต่เช้า ออกเดินทางไปหัวหิน เมืองชายทะเลที่แสนคลาสสิกแห่งนี้ยังคงมีมนต์เสมอ เพราะหัวหินมีอะไรให้ทำไม่เคยซ้ำกันเลยสักวัน มาครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหน ๆ เพราะจากปกติที่เคยแวะทานมื้อเที่ยงเป็นข้างแกงร้อน ๆ เจ้าเด็ดแถวเขาน้อย แต่คราวนี้ลองขับรถเลี้ยวซ้ายเข้าเมืองเพชรแวะชิม ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เจ๊กอ๋า สูตรน้ำแดงต้นตำรับของชาวเพชรบุรีกันบ้าง เพราะเห็นร่ำลือกันมานานถึงความอร่อย ขอบอกว่าไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อแบบธรรมดาแน่นอน เพราะในชามยังมีน้ำซุปหอมกรุ่นกับเนื้อเปื่อยที่แสนนุ่ม ที่สำคัญจะให้สมชื่อสูตรเมืองเพชร ต้องเหยาะซอสพริกลงไปด้วย ส่วนใครที่ไม่ถนัดทานเนื้อถัดไปร้านข้าง ๆ ร้านล้านสตางค์ มีก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงสูตรโบราณให้ลองชิมกัน ก่อนเดินทางถึงตัวเมืองหัวหิน หยุดซึมซับความหวานและความหลังของ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระตำหนักที่ประทับริมทะเลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งมีลักษณะเป็นเรือนไม้สองชั้น โปร่ง รับแสงแดดหันหน้าออกสู่ทะเล มีทางเดินเชื่อมกันตลอดทุกส่วน ทุกห้วงทำนองที่ได้เดินรับลมชมวังแห่งนี้ รู้สึกสบายและคิดถึงภาพความงามในอดีตที่ไม่เคยเลือนหายไปตามกาลเวลา ยามบ่ายเติมความสดชื่นด้วยลาเต้เย็น ๆ กับเค้กอร่อยที่ บ้านใกล้วัง บนถนนแนบคฤหาสน์ ร้านเค้กโฮมเมดที่ขึ้นชื่อของหัวหินเลยเชียว โดยเฉพาะเชอร์รี่เค้ก ที่มีเชอร์รี่ลูกโต ๆ วางบนเค้กวนิลา และที่พลาดไม่ได้คือ พุดดิ้งช็อคโกแลต ลักษณะเป็นเค้กช็อคโกแลต มีช็อคโกแลตพุดดิ้งร้อน ๆ ละลายอยู่ตรงกลางด้านในแทบจะไม่ต้องเคี้ยว เพราะอร่อยเหลือเกินจริง ๆ คืน คืนแรกแวะเก็บกระเป๋าเข้าที่พักที่ รีรา รีสอร์ท รีสอร์ทขนาดเล็กน่ารักในตัวเมืองมีบ้านพักสีขาว 6 หลังทุกหลังมีชื่อที่คล้องจองกัน เช่น เรือนรัก เรือนรอ เรือนเรา และเรือนอุ่น ถึงแม้จะไม่ติดริมทะเล แต่ความพิเศษของที่นี่คือ ยินดีต้อนรับเจ้าสุนัขตัวโปรด ปิดท้ายวันแรกด้วยผัดไทยกับหมูสะเต๊ะเจ้าอร่อยในตลาดโต้รุ่งหัวหิน ว่าไปแล้วใครที่มาหัวหิน ตลาดโต้รุ่ง คือหนึ่งในสถานที่ที่ขาดไม่ได้จริง ๆ นอกจากจะมีอาหารอร่อย ยังมีโรตีแขกดั้งเดิม ไอศครีมกะทิชื่อดัง และร้านขายของฝากอีกมากมาย แทบจะเรียกได้ว่า ตลาดนี้เป็นสีสันยามราตรี และครองใจนักท่องเที่ยวได้อย่างเหนี่ยวแน่นและยาวนาน


เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยก๋วยเตี๋ยวเป็ดเส้นนุ่มเนื้อหนาที่ ร้านคุณเอก (เจ้าเก่า) ที่นี่เค้าอร่อยแบบเชลล์ไม่ต้องชิม แนะนำให้ทานก๋วยเตี๋ยวแบบแห้ง และเคียงด้วยน้ำซุปร้อน ๆ หรือจะเป็นข้าวหน้าเป็ดราดน้ำพะโล้ก็อร่อยสุด ๆ เลยร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดไปไม่ไกล บนถนนเพชรเกษมจะเจอร้านขนมหวานของฝากชื่อ ร้านแม่เก็บ ขนมที่นี่เค้ากวนสด ๆ ขายกันวันต่อวัน ตะโก้ซ่อนลูก เป็นขนมที่แนะนำให้ไปซื้อก่อนเที่ยงมิเช่นนั้นจะหมดภายในพริบตา เม็ดขุนไส้เผือกกวนด้วยเผือกร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื้อเนี่ยนนุ่มหอมมัน หรือ ข้าวฟ่างกวน เป็นขนมของคนใต้ที่หาทานได้ยากรับรองซื้อขนมร้านนี้ ครบเครื่องเรื่องความสดใหม่ แถมความอร่อยติดดาว เดินทางกันต่อเพียงครึ่งชั่วโมงจากเมืองหัวหิน ขับรถเรียบริมชายหาดปราณบุรี ทะเลปราณวันนี้ยังคงสงบเงียบ มีบูติกรีสอร์ทเก๋ ๆ สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน รวมไปถึงบ้านพักตากอากาศริมทะเลน่ารัก ที่เรียงรายตามทิวมะพร้าว หากขับตรงไปยังทิศใต้ จะเป็นชายหาดทอดยาวไปจนจรด วนอุทยานท้าวโกษา (เขากะโหลก) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมชายเขาในส่วนที่ยื่นลงไปในทะเล มีถ้ำขนาดเล็กให้เข้าไปผจญภัยพอหอมปากหอมคอ รองท้องด้วยส้มตำและไก่เหลืองที่ร้านรถเข็นหน้าเขากะโหลก ไก่เนื้อนุ่ม ย่างจากเตาร้อน ๆ พร้อมสั่งส้มตำนั่งทานริมหาดได้บรรยากาศครบรสริง ๆ หลังจากนั้นเลยไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เมื่อได้เข้าไปในเขตอุทยานฯ ภาพที่เห็นเบื้องหน้า คือ ภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อนด้านล่างมีนากุ้ง และเป็นที่อาศัยของนกชายทะเลนานาชนิด แวะชมวิวชายทะเลที่หาดสามพระยา เป็นหาดทรายที่ขาวสะอาด ร่มรื่นด้วยแนวสนทอดยาว 1 กิโลเมตรเลยหาดสามพระยาไปไม่ไกล แวะเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวประมงและกินปูสดที่ ถ้ำไทรซีฟู้ด ร้านอาหารนี้นอกจากจะมีกุ้ง หอย ปู ปลาสดแล้ว ยังมีผักชะคราม ผักพื้นถิ่นหาทานได้เฉพาะที่นี่ นำมาผัดมีรสชาติเค็มมัน อร่อยจนคนในวังติดใจ มาทีไรก็ต้องสั่งแต่ผัดผักจานนี้ จนได้ขึ้นชื่อเป็น ผัดผักชาววังไปซะแล้ว บริเวณถนนหน้าถ้ำไทรจะเป็นชุมชนของชาวประมง ยามเย็นจะเห็นเรือหาปลาลากอวนกลับขึ้นฝั่งมาพร้อมกับอาหารสด ๆ แม่บ้านและลูกเด็กเล็กแดงช่วยกันลำเลียงอุปกรณ์เลี้ยงชีพขึ้นบ้านและหุงหาข้าวปลาอาหาร เป็นภาพที่น่ารักไปอีกแบบ



อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงอยากจะไปหัวหินแล้วมั้งคะ เอาเป็นว่าบทความครั้งนี้ขอนำเสนอเพียงเท่านี้นะคะ ไว้คราวหน้าปูเป้จะหาบทความดี ๆ หรือ กิจกรรมง่าย ๆ มาให้อ่าน หรือ ลองทำดูนะคะ เพื่อแต่งแต้มสีสันวันหยุดพักผ่อนให้กับคุณ^^