วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บ้านทรายทอง..บีชรีสอร์ท (ตอน 1)

..นี่คือสถานแห่งบ้านทรายทองที่ฉันปองมาสู่...หลายคนคงสงสัยว่าบ้านทรายทองมีจริงรึเปล่า หรือว่ามีเพียงแต่ในนิยายเท่านั้น ครั้งนี้ปูเป้เลยขอมาเฉลยค่ะว่ามีอยู่จริง และอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ มากนัก สามารถขับรถกินลม ชมวิว Chill Chill Style ไปได้เลยค๊า บ้านทรายทองฯ ที่ปูเป้พูดถึงนี้ตั้งอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์นะคะ
(ถ.เพชรเกษม กม.426) เป็นรีสอร์ทติดหาดทรายสีทองที่ใช้ชื่อว่า "บ้านทรายทองบีชรีสอร์ท" ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่ให้ความรูสึกเป็นส่วนตัวเพราะคนไม่พลุกพล่าน และที่สำคัญมีกิจกรรมให้ทำมากมายคะ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำตื้นเพื่อชมปะการัง และฝูงปลาน่านน้ำทะเลอ่าวไทยที่มีความงามไม่แพ้ทะเลอันดามัน ยังไม่พอคะยังมีกิจกรรมไดหมึกหรือตกหมึกให้นักท่องเที่ยวได้พิสูจน์ฝีมือว่าทำบาปขึ้นรึป่าว 555

ทริปนี้ปูเป้ขอนำเรื่องราวส่วนตัวของตัวเองมาถ่ายทอดเลยนะคะ เรานัดหมายกันว่าจะออกเดินทางจากกทม.ตั้งแต่ 7 โมงเช้า (ทริปนี้ไปกันหลายคน หลายคันค่ะ) เพื่อที่จะถึงที่พักในช่วงบ่าย แต่เจ้ากรรมค่ะ ลางร้ายเริ่มตั้งแต่การออกเดินทางจากบ้านไปได้ไม่เท่าไหร่ ปูเป้ก็นึกได้ว่าลืมมือถือไว้ที่บ้าน เราเลยต้องเสียเวลาวนรถกลับไปเอา (โชคดีค่ะที่ยังออกมาไม่ไกลมากนัก ^^) เนื่องด้วยออกแต่เช้าพลขับของเรายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราจึงตัดสินใจแวะตลาดออเงินและ 7Eleven เพื่อหาอาหารและเสบียงกินกันในมื้อเช้า จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ถนนเพชรเกษม และแวะรับเพื่อนร่วมทริปอีก 1 ท่าน ระหว่างทาง GPS บอกว่าขับตรงไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก เราก็พักเลยค่ะ (ตามคำบอกของ GPS) ตามฟอร์มเลยค่ะแวะพักเกือบทุกปั้ม เนื่องจากเราต้องคอยเช็คเพื่อน ๆ คันอื่นด้วย เพราะรถคันที่ปูเป้นั่งเป็นกัปตันทีม ขับมาเรื่อยจนถึงเขาวังพลขับอยากแวะ เนื่องจากไปเคยขึ้นรถรางไฟฟ้า เคยแต่ขึ้นรถไฟฟ้ามาหานะเธอ เป็นเช่นนี้เราก็เลยแวะเที่ยวเขาวังเป็นที่แรกค่ะ
เขาวัง หรือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี หนึ่งในสามวังของเมืองเพชรฯ พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 สำหรับเสด็จแปรพระราชฐาน งานสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เป็นแบบนีโอคลาสสิกผสมไปกับงานกระเบื้องและปูนปั้นแบบจีน แต่ถ้าใครต้องการชมวิถีช่างชาวเพชรฯ ควรแวะเวียนมาช่วงวันเสาร์ เพราะจะมีการสาธิตงานช่างที่หาชมได้ยากเต็มที ไม่ว่าจะเป็นการแทงหยวก ทำหนังตะลุง หรือปูนปั้น

เดินเที่ยวกันเหนื่อยแล้ว เพื่อนพ้องก็มากันครบแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เราควรจะรับประมานอาหารเที่ยงร่วมกันแล้วค่ะ มื้อเที่ยงนี้เรายังอยู่เมืองเพชรบุรีอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ควรพลาด ปลาดุกทะเลผัดฉ่า ที่ขึ้นชื่อของภัตรคารพวงเพชรนะคะ เราจึงตัดสินใจขับรถวนรอบเขาวังอีก 1 รอบ เพื่อที่มาที่ร้านนี้ และก็ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะว่าอาหารอร่อยตามคำร่ำลือจริง ๆ (ปูเป้การันตี แต่ขอบอกว่าผัดฉ่าเผ็ดมั่กมาก) ระหว่างทานข้าวเที่ยงสำรวจโต๊ะข้าง ๆ สั่งปลาดุกทะเลผัดฉ่าทั้งน้าน งานนี้ถ้าไม่ได้สั่งคงโดนล้อว่าไปผิดร้านแน่เลย เติมพลังมื้อเที่ยงกันแล้ว ก็ถึงเวลามุ่งหน้าสู่บ้านทรายทองฯ กันต่อเลยค่ะ ขับไปเรื่อย ๆ เลยคะ สังเกตหลักกิโลนิดนึงนะคะ เพราะรีสอร์ทที่เราจะไปพักกันนั้นอยู่ที่ กม. 426 อ้อ ! ไม่ใช่ที่ปายเท่านั้นที่ทำหลักกิโลอันใหญ่ แต่ที่ประจวบฯ เค้าก็ทำค่ะ จำได้แม่นเลยหลักกม. 425 ใหญ่เบ้อเริ่ม เห็นแล้วตกใจอยากจะขอลงไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเลยค่า

เห็นหลักกิโล 425 สบายใจได้เลยค่ะว่าไม่หลงแน่ เพราะอีกนิดเดียว 1 กม. เราก็เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้ารีสอร์ทได้เลยค่ะ ขับตามที่ป้ายบอกอีกอึดใจเราก็จะถึงบ้านทรายทองบีชรีสอร์ทแล้วค่ะ หน้ารีสอร์ทจะมีน้ำพุน้อย ๆ เต้นระบำคอยรับแแขกผู้มาเยือนทุกท่านคะ วันนี้ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายค่ะ เนื่องจากเป็นวันดีที่มีคนมาเหมารีสอร์ทจัดงานเลี้ยงแต่งงานค่ะ ขอบอกว่าจัดงานได้น่ารักมากคร้าาาา เพราะว่าทีมออแกไนซ์เค้าจุดพลุริมหาดด้วย สวยงามจริง ๆ ประกายไฟสีสันฉูดฉาดตัดกับท้องฟ้าและท้องทะเลสีดำ สะกดสายตาผู้ร่วมงานให้มองเป็นตาเดียวกัน และด้วยอานิสงค์จากงานแต่งในครั้งนี้ทำให้ปูเป้และผองเพื่อนได้ดื่มเบียร์สดกันฟรี คริคริ ชื่นใจ เอาเป็นว่าขอให้บ่าวสาวรักกันตลอดไปนะคะ หลังจากกินอาหารมื้อค่ำซึ่งเป็นเมนูเดียวกับโต๊ะจีนในงานแต่ง ปูเป้และพองเพื่อนก็ต้องย้ายตัวเองไปนอนบ้านพักหลังเก่าของรีสอร์ทเนื่องจากห้องพักอื่น ๆ เค้าเอาไว้เลี้ยงรับรองแขกในงาน แต่ขอบอกว่าบ้านพักเก่าชิลสุด ๆ เลยค่ะ เป็นเรือนไม้ติดกัน 4 ห้อง มีระเบียงติดริมหาดซึ่งเป็นสถานที่เหมาะเจาะสำหรับทำกิจกรรมยามดึก ทั้งหนุ่มขี้เมาและสาวขาเม้าท์ นั่งเม้าท์นั่งมาวกันไปจากลมบกเปลี่ยนเป็นลมทะเลเราก็ตัดใจเข้านอน เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นจนหนาวใจ และก็ต้องตัดใจพักผ่อนนอนเก็บแรงไว้ลุยกับกิจกรรมวันพรุ่งนี้...แล้วจะรีบมาอัพตอนต่อไปเร็วๆนี้ค่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น