
จากนั้นเราก็ขึ้นไปนมัสการพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ ประกอบด้วยหมู่พระเจดีย์ 9 องค์ มีเจดีย์ประธานองค์ใหญ่ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานในบุษบกแกะสลักอย่างสวยงาม โดยมีพระเจดีย์ รายล้อม 4 ทิศ 8 องค์ วัดนี้อยู่ริมทะเล อยู่ในเขตอ่าวสวยงามที่บริสุทธิ์ เขาธงชัยเป็นเขาริมทะเล ลักษณะคล้ายเต่าหันหน้าคลานลงทะเล และต่างถือกันว่าศาสนสถานบนหลังเต่า เป็นมหามงคล จากนั้นเราก็ไปนมัสการพระพุทธกิติสิริชัย เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิแบบศิลปะคันนธาระ มีริ้วจีวร และพระพักตร์ที่สวยงาม องค์พระก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทองมีขนาดใหญ่สูงเด่นเป็นสง่า หันพระพักตร์ ออกสู่ทะเล บริเวณโดยรอบพระพุทธกิติสิริชัย มีซุ้มรูปหล่อพระอริยสงฆ์ที่เป็นที่นับถือของพุทธศาสนิกชน อาทิ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี หลวงปู่ศุข หลวงพ่อสด ฯลฯ เราจึงนมัสการพระทั้งหมด เพื่อความเป็นสิริมงคล
และแล้วมันก็ถึงเวลาของกระเพาะน้อย ๆ ที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว เราจึงตกลงและตัดสินใจขับรถขึ้นมากินขนมจีนไก่ทอดที่ร้านครัวกรรณิการ์@หัวหิน เพราะลูกทีมเบื่ออาหารทะเลมาก และเมื่อมาถึงร้านก็ประหลาดใจมากเนื่องจากเป็นเวลาเกือบบ่ายสามแล้ว แต่ลูกค้ายังแน่นร้าน แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราฝึกความอดทนมากันอย่างดี เราจึงสามารถรอคอยได้โดยไม่ปริปาก ผนวกกับเราเห็นบทกลอนบนรายการอาหารเราจึงต้องเก็บปากเก็บคำ และรอคอยเท่านนั้น "ทุกอย่างทำจาก ไก่ แสลงใจก็อย่าสั่ง นั่งกินอย่าเสียงดัง ตอนคิดตังค์ ดัง ๆ เลย" / "ทอดโน่น ทอดนี่..ยี่สิบ จู้จี้ งี่เง่า..เก้าสิบ กระซุบ กระซิบ..หยิบฟรี นั่งคอยดีดี..บาทเดียว" รวมทั้งได้ประจักษ์กะตา หากเรื่องมากเราคงไม่ได้โต๊ะนั่ง เพราะน้องเด็กเสิร์ฟบ่นพึมพำว่าเลือกมากก็รอไป ส่วนพี่มาทางนี้ ด้วยความเก็บปากเก็บคำ และไม่เหวี่ยง ไม่วีน เราจึงได้โต๊ะนั่งก่อนลูกค้าอีกกลุ่มที่มัวแต่เลือกที่นั่ง ได้โต๊ะแล้วก็ถึงเวลาสั่งอาหารสิคะ สั่งกันเต็มที่ กินกันเต็ม ตอนคิดตังค์ ราคาถูกจริง ๆ ด้วย และที่สำคัญอร่อยมั่กๆค่ะ หลังจากกินมือกลางวันนี้เสร็จแล้ว สมาชิกแต่ละคันก็ขอแยกทางกันกลับบ้าน ส่วนคันที่ปูเป้นั่งมาก็ต้องเอ๊กซ์ตร้าหน่อยน่ะค่ะ เนื่องจากแวะหัวหินแล้วจะไม่ให้ซึมซับบรรยากาศหัวหิน 100 ปี ได้อย่างไร เราจึงต้องขอไปแอ๊คถ่ายภาพกับหัวรถไฟ และป้ายหัวหิน ที่สถานีรถไฟหัวหินกันก่อนกลับนิดนึงน่ะค่ะ เก็บภาพเป็นที่ระลึกได้สักพักก็ถึงเวลาอำลาหัวหินกันกันแล้ว เราจึงมุ่งหน้าเข้าเมืองเพชรเพื่อแวะซื้อขนมหวานเมืองเพชรกันหน่อย ร้านที่เราแวะในครั้งนี้ ก็เป็นร้านประจำของปูเป้เองค่ะ นั่นก็คือ ขนมบ้านนันทวัน ซื้อขนมหม้อแกงและบ้าบิ่นอย่างกับจะไปขายต่อ 555 ได้ขนมหวานแล้วและที่ขาดไม่ได้ขาขึ้นเพื่อกลับกทม. คือ การแวะ Outlet ทุก Outlet ไม่เข้าใจว่าเผื่ออะไร แต่ก็ต้องแวะทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นร้านเมย์&มิ้นท์ ซึ่งแต่ก่อนเป็นร้านเล็ก ๆ จนตอนนี้เปิดเป็นร้านใหญ่เบ้อเริ่ม (Shop นี้ของราคาถูกจริง ๆ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า Abercromby และ Holistic) ถัดมาเราก็จะแวะ Premium Outlet (Shop นี้ได้ของเป็นบางครั้ง เนื่องจากราคาจะพอ ๆ กะห้างเวลาเซล) และอีกร้านที่ขาดไม่ได้ก็คือ Fly Now Outlet แวะ Shop นี้ทีไรได้กินทอดมันทุกที และมักจะได้กระเป๋า Fly Now กะของ Adidas ตัลหลอด แวะครบ 3 ช็อป เป็นอันว่ามาถึงเมืองเพชรของจริง 555 เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับทริปนี้ 3 วัน 2 คืน Chill สุดๆ แต่จะหายก็เมื่อรู้ว่ารุ่งขึ้นต้องกลับมาทำงาน...เฮ้อ -_-"




ข้าวเจ้าหอมนิล เป็นข้าวที่ได้รับการคัดเลือกจนได้ข้าวที่มีเมล็ดข้าวกล้องเรียวยาว สีม่วงเข้ม ข้าวกล้องเมื่อหุงสุกจะนุ่มเหนียว หอม ข้าวสารหุงสุกมีสีม่วงอ่อน นุ่ม และมีกลิ่นหอมเช่นกัน คุณสมบัติที่สำคัญของข้าวเจ้าหอมนิล คือ ข้าวกล้องมีโปรตีนสูงถึง 12.5 เปอร์เซ็นต์ และยังประกอบไปด้วย ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งสูงกว่าข้าวขาวดอกมะลิ นอกจากนี้ลักษณะดีเด่นของข้าวเจ้าหอมนิลที่พบนอกจากคุณค่าทางโภชนาการ ได้แก่ ทรงต้นเตี้ย แตกกอดี เมล็ดมีน้ำหนักดี อายุสั้นเพียง 95 วัน ทำให้สามารถปลูกได้ถึง 3 ครั้ง/ปี ดังนั้นหากได้รับการจัดการที่เหมาะสมในการผลิต จะให้ผลผลิตต่อปีสูงกว่าข้าวพันธุ์อื่นๆ ข้าวหอมมะลิสีนิล เป็นข้าวหอมมะลิสายพันธุ์ใหม่ ที่เป็นลูกผสมระหว่างข้าวสีนิลกับข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ได้จะมีเมล็ดยาว สีม่วงเข้ม และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเมื่อนำไปหุงแล้วจะได้ข้าวสวยสีม่วงอ่อน ที่นุ่มและหอมมาก




